โรคกระดูกพรุน (Osteoporosis)
เป็นโรคที่เกิดจากความหนาแน่นของมวลกระดูกลดลงจนทำให้กระดูกส่วนนั้น บางลง เปราะลง ซึ่งความหนาแน่นของมวลกระดูกลดลงนั้น เกิดขึ้นจากร่างกายดูดซึมแคลเซียมและโปรตีนที่เป็นองค์ประกอบของกระดูกได้น้อยลง ซึ่งโรคกระดูกพรุนเป็นภาวะเสี่ยงที่ทำให้กระดูกหักได้ง่ายขึ้น เช่น จากการล้ม, การกระแทก เป็นต้น
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคกระดุกพรุน ได้แก่
1.อายุที่มากขึ้น (มากกว่า 50 ปีขึ้นไป)
2. เพศหญิงจะมีโอกาสเกิดโรกระดูกพรุนได้มากกว่าเพศชาย
3. คนผิวขาว จากงานวิจัยจะพบว่า คนผิวขาวจะมีโอกาสเกิดโรคกระดูกพรุนได้สูงกว่ากลุ่มคนอื่นๆ
4. พันธุกรรม ถ้ามีญาติหรือคนในครอบครัวมีประวัติโรคกระดูกพรุน จะมีปัจจัยเสี่ยงที่เป็นได้เช่นกัน
5. คนที่มีรูปร่างผอม หรือมีน้ำหนักตัวไม่เกิน 57.6 กิโลกรัม
6. การไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย
7. การใช้ยาบางตัวที่ไปมีผลกับการดูดซึมของแคลเซียม เช่น กลุ่มยากันชัก, กลุ่มยาสเตียลอยด์, ยาในกลุ่มรักษาโรคต่อมไทรอยด์, อินซูลิน (ยาลดระดับน้ำตาลในเลือด), กลุ่มยาป้องกันการแข็งตัวของเลือด เป็นต้น
8. กลุ่มคนที่สูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์
9. อาการพร่องวิตามินดีและพร่องแคลเซียมในเลือด
การรักษาโรคกระดูกพรุน
กายภาพบำบัดจะเน้นในเรื่องของการออกกำลังกายแบบมีแรงต้าน เช่น
1. ออกกำลังกายโดยใช้ถุงทราย
2. การปั่นจักรยานแบบมีแรงต้าน
3. ธาราบำบัด
การฝึกทรงตัวของร่างกายเพื่อป้องกันภาวะล้ม เช่น
1. การฝึกทรงท่าขณะยืนอยู่นิ่งหรือทรงท่าขณะยืนโดยมีการเคลื่อนไหวของร่างกาย เช่น เอื้อมแตะวัตถุทิศทางต่างๆ
2. การฝึกทรงท่าบนพื้นผิวที่แตกต่างกัน เช่น พื้นแข็ง,พื้นนิ่ม,พื้นแข็งที่มีผิวขรุขระ และ พื้นนิ่มที่มีผิวขรุขระ
3.การฝึกทรงท่าในกิจกรรมขณะเดิน เช่น เดินในท่าแคบ, เดินต่อส้นเท้า, เดินด้านข้าง, เดินถอยหลัง,เดินซิกแซกและเดินขึ้นลงทางต่างระดับ