Q : TIA คืออะไร

A : ภาวะที่สมองเสียการทํางานระยะเวลาสั้นๆ เกิดจากตําแหน่งบางตําแหน่งในสมองขาดเลือดไปเลี้ยงชั่วคราว แต่ไม่ถึงขั้นทําให้เกิดเนื้อสมองตาย

Q : TIA เกิดได้จากสาเหตุใดบ้าง

A: เกิดจากหลอดเลือดสมองที่แข็งตัว หรือตีบแคบ (โรคหลอดเลือดแดงแข็ง) ร่วมกับมีการไหลเวียนของเลือดที่ลดลงชั่วคราว หรือเกิดจากมีลิ่มเลือดจากหัวใจขนาดเล็กหลุดมาอุดหลอดเลือดในสมอง

Q : อาการของTIA มีอะไรบ้าง

A:  แขน ขา อ่อนแรง ด้านใดด้านหนึ่งของร่างกาย

ปากเบี้ยว หลับตาไม่สนิท

พูดไม่ชัด พูดลำบาก นึกคำพูดไม่ออก

วิงเวียนศีรษะ เดินเซ มองเห็นภาพซ้อน

Q : เมื่อเจอผู้ป่วย TIA ระยะเฉียบพลันควรรักษาด้วยวิธีใด

A : หลักการ A B C ซึ่งต้องทำตามลำดับคือ

A - Airway : การเปิดทางเดินหายใจให้โล่ง

B - Breathing : การช่วยให้หายใจ

C - Circulation : การนวดหัวใจเพื่อช่วยให้เกิดเลือดไหลเวียนอีกครั้ง

Q : TIA มีระยะเวลาการเกิดโรคนานเท่าใด

A : ประมาณ 30 นาที – 1 ชั่วโมง โดยทุกคนจะหายเป็นปกติภายระยะเวลาประมาณใน 24 ชั่วโมง

Q : ปัจจัยใดที่ส่งผลให้เป็นอัมพาตหลังมีภาวะ TIA 2วัน( ABCD squared score)

A : - age(อายุ) : ≥ 60 ปี ได้ 1 คะแนน

 - blood pressure(ความดันโลหิต) : ความดันโลหิตตัวบน ≥ 140 mmHg หรือ ความดันโลหิตตัวล่าง ≥ 90 mmHg ได้ 1 คะแนน

 - clinical features(อาการ) : อ่อนแรงครึ่งซีก ได้ 2 คะแนน , พูดไม่ชัด ได้ 1 คะแนน , อื่นๆ ได้ 0 คะแนน

- duration of symptoms(ระยะเวลาที่มีอาการ) : ≥ 60 นาที ได้ 2 คะแนน , 10 – 59 นาที ได้ 1 คะแนน , < 10 นาทีได้ 0 คะแนน

 - diabetes(เบาหวาน) ได้ 1 คะแนน

แปลความหมาย : 0 – 3 คะแนน จัดอยู่ในกลุ่มความเสี่ยงน้อย (stroke risk 1%)

                             4 – 5 คะแนน จัดอยู่ในกลุ่มความเสี่ยงปานกลาง (stroke risk 4%)

                             6 – 7 คะแนน จัดอยู่ในกลุ่มความเสี่ยงสูง (stroke risk 8%)

Q : การรักษาโรค TIA คือวิธีใด

A : การให้ทานยาต้านเกล็ดเลือด หรือยาละลายลิ่มเลือดขึ้นอยู่กับสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรค

Q : ความเสี่ยงใดบ้างที่ทำให้เกิด TIA

A : การให้ทานยาต้านเกล็ดเลือด หรือยาละลายลิ่มเลือดขึ้นอยู่กับสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรค

Q : ความเสี่ยงใดบ้างที่ทำให้เกิด TIA

A : ความดันโลหิตสูงเบาหวาน

ไขมันสูบบุหรี่   ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮล์ โรคอ้วน (BMI > 30 kg/m2 ) โรคอ้วนลงพุง (metabolic syndrome)

ขาดการออกกําลังกาย

Q : ผู้ป่วยที่เป็นอัมพฤกษ์-อัมพาตชั่วคราว หรือ TIA ก่อน และเป็นสโตรค (อัมพฤกษ์-อัมพาตถาวร) ซ้ำแล้วมีคุณภาพชีวิตที่แย่ลงมากคือผู้ป่วยประเภทไหน

A : คนสูงอายุและผู้หญิงเนื่องจากจะมีโครงสร้างทางด้านร่างกายที่แข็งแรงน้อยกว่าผู้ชาย

Q : การรักษาโรคอัมพาตปัจจุบันนั้นที่เป็นมาตรฐานคือ ควรต้องรักษาภายในกี่นาที

A : 270 นาทีหลังเกิดอาการ (Stroke Fast Track)

Q : ผู้ป่วย TIA ต้องทานยาต้านเกล็ดเลือดหรือไม่

A :  จำเป็นต้องรับประทานยาต้านเกล็ดเลือด เพื่อลดโอกาสการเกิดอาการซ้ำ และลดโอกาสเกิดอัมพาต (โรคหลอดเลือดสมอง)

Q :โรคเส้นเลือดฝอยตีบตันมักจะเกิดในคนชนชาติใด

A  : คนญี่ปุ่นจะป่วยเป็นโรคเส้นเลือดฝอยตีบตันมากกว่าโรคหลอดเลือดสมองประเภทอื่นๆ ประมาณ 35% ของผู้ป่วยทั้งหมด สาเหตุอาจจะเกี่ยวข้องกับกรรมพันธุ์ของคนญี่ปุ่นซึ่งเส้นเลือดฝอยมีภาวะแข็งตัวได้ง่าย

Q : สาเหตุของโรคเส้นเลือดฝอยตีบตันคืออะไร

A : เกิดจากผนังหลอดเลือดแดงเกิดภาวะแข็งตัว โดยมีปัจจัยหลักคือโรคความดันโลหิตสูง และปัจจัยรองคือโรคเบาหวาน โรคไขมันในเส้นเลือด และการสูบบุหรี่ เป็นต้น

Q : คนอเมริกาหรือยุโรปส่วนใหญ่จะป่วยเป็นโรคหลอดเลือดสมองประเภทใด

A : โรคเส้นเลือดสมองอุดตันจากลิ่มเลือดไขมัน และโรคเส้นเลือดสมองอุดตันจากโรคหัวใจ ซึ่งเกิดจากวัฒนธรรมการใช้ชีวิตและวัฒนธรรมการบริโภคของชาวยุโรปและอเมริกาที่มีความเสี่ยงสูง