Q : ผู้ป่วยมีอาการเดินข้อสะโพกหมุนเข้าใน ควรออกกำลังการโดยการใช้suspensionแบบใด

A : จุดหมุน( Axial fixation )ตรงกับข้อสะโพก,จุดเคลื่อน(vertical fixation)ตรงกับข้อเท้าและใส่ปริงบริเวณ 

      ข้อเท้าจากนั้นกางสะโพกออก

เนื่องจากกล้ามเนื้อกางสะโพก(gluteus medius)ที่เป็นกล้ามเนื้อสำคัญในการก้าวขามีภาวะอ่อนแรง ขาจึงหุบเข้าใน ร่างการจึงชดเชยโดยการหมุนขาเพื่อให้เดินไปได้ เมื่อกล้ามเนื้อกางสะโพก(gluteus medius)แข็งแรงขึ้นจะทำให้การเดินเป็นปกติได้

Q : ผู้ป่วยมีอาการกล้ามเนื้อหุบขาเข้าไม่ได้แต่พบการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อหุบขา ควรออกกำลังการโดยการใช้suspensionแบบใด

A :จุดหมุน( Axial fixation )ตรงกับข้อสะโพก,จุดเคลื่อน(vertical fixation)ตรงกับข้อเท้า จากนั้นหุบสะโพกเข้า

เนื่องจากกล้ามเนื้อหุบขามีการอ่อนแรง โดยไม่สามารถต้านแรงโน้มถ่วงได้ จึงไม่ควรให้แรงต้านจากสริงแต่    

      ควรให้ขนานกับพื้น เพื่อเป็นการออกกำลังที่เหมาะสมกับกำลังกล้ามเนื้อนี้

Q : ผู้ป่วยหมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อนทับเส้นประสาท ไม่สามารถเหยียดขาไปด้านหลังได้ ควรออกกำลังการโดยการใช้suspensionแบบใด

A :ใส่สปริงให้ตรงกับข้อสะโพก แล้วเอาส่วนปลายไว้ตรงข้อเข่าเพื่อเพิ่มแรงต้าน

เนื่องจากผู้ป่วยหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทจะทำให้เส้นประสาทที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อูกกดทับ ทำให้กล้ามเนื้อที่ช่วยในการเหยียดสะโพกอ่อนแรง จึงควรออกกำลังแบบให้แรงต้านเพื่อเพิ่มกำลังกล้ามเนื้อ

Q : ผู้ไม่สามารถงอเข่าได้สุดหลังจากผ่าตัดเข่ามา3 อาทิตย์ ควรออกกำลังการโดยการใช้suspensionแบบใด

A :จุดหมุน( Axial fixation )ตรงกับข้อเข่า,จุดเคลื่อน(vertical fixation)ตรงกับข้อเท้า จากนั้นงอเข่าเข้า

เนื่องจากผู้ป่วยผ่าตัดเข่า ทำให้ไม่มีการเคลื่อนไหวข้อเข่า เกิดภาวะข้อเข่าติด จึงควรออกกำลังแบบเพิ่มช่วงการเคลื่อนไหวข้อเข่า

Q : ผู้ป่วยไม่สามารถงอเข่าได้สุด และมีกล้ามเนื้อต้นขาด้านหลังลีบ ควรออกกำลังการโดยการใช้suspensionแบบใด

A :จุดหมุน( Axial fixation )ตรงกับข้อเข่า,จุดเคลื่อน(vertical fixation)ตรงกับข้อเท้า และใส่สปริงที่ข้อเท้า จากนั้นงอเข่าเข้า

เนื่องจากกล้ามเนื้อที่ช่วยในการงอเข่าอ่อนแรง จึงควรออกกำลังแบบให้แรงต้านเพื่อเพิ่มกำลังกล้ามเนื้องอเข่า

Q : ผู้ป่วยมีอาการปวดเข่า มีเสียงในข้อขณะเคลื่อนไหวเดินแล้วมีอาการเข่าทรุดควรออกกำลังการโดยการใช้suspension แบบA :จุดหมุน( Axial fixation )ตรงกับข้อเข่า,จุดเคลื่อน(vertical fixation)ตรงกับข้อเท้า และใส่สปริงที่ข้อเท้า ใด

จากนั้นงอเข่าเข้า

 เนื่องจากผู้ป่วยที่มีภาวะข้อเข่าเสื่อมจะพบว่าทำให้กล้ามเนื้อรอบข้อเข่าอ่อนแรง โดยเฉพาะกล้ามเนื้อเหยียดเข่า(quadriceps m.) เมื่อมีการอ่อนแรงส่งผลให้เข่าทรุดขณะเดิน จึงควรออกกำลังแบบให้แรงต้านเพื่อเพิ่มกำลังกล้ามเนื้องอเข่า

Q : ผู้ป่วยใส่เฝือกอ่อนที่บริเวณข้อศอกมาเป็นระยะเวลา 1 เดือนเมื่อถอดเฝือกแล้วผู้ป่วยไม่สามารถงอศอกได้สุดควรออกกำลังการโดยการใช้ suspension แบบใด

A :จุดหมุน( Axial fixation )ตรงกับข้อไหล่,จุดเคลื่อน(vertical fixation)ตรงกับข้อมือ จากนั้นงอศอกเข้า

เนื่องจากการใส่เฝือกที่ข้อศอกทำให้มีการจำกัดการเคลื่อนไหวของข้อศอก เกิดภาวะข้อศอกติด จึงควรออกกำลังแบบเพิ่มช่วงการเคลื่อนไหวข้อศอก

Q : ผู้ป่วยเป็นอัมพาตครึ่งซีกซ้ายมาเป็นระยะเวลา 2 ปี มีอาการเจ็บเมื่อเหยียดศอกซ้ายควรออกกำลังการโดยการใช้ suspension แบบใด

A :จุดหมุน( Axial fixation )ตรงกับข้อไหล่,จุดเคลื่อน (vertical fixation) ตรงกับข้อมือ จากนั้นงอศอกเข้า

เนื่องจากมีอาการหดเกร็งของกล้ามเนื้อซีกซ้าย รวมถึงมีการติดในท่างอศอก เมื่อเหยียดศอกจะทำให้มีอาการเจ็บ เกิดภาวะข้อศอกติด จึงควรออกกำลังแบบเพิ่มช่วงการเคลื่อนไหวข้อศอก

Q : ผู้ป่วยอัมพาตครึ่งซีกขวา ไม่สามารถชันเข่ายกก้นข้นได้ เนื่องจากมีกล้ามเนื้อที่ช่วยในการเหยียดสะโพกอ่อนแรงร่วมกับมีแผลกดทับที่ก้นด้านขวาควรออกกำลังการโดยการใช้ suspension แบบใด

A :จุดหมุน( Axial fixation )ตรงกับข้อสะโพก,จุดเคลื่อน(vertical fixation)ตรงกับข้อเท้า และสริปงที่ข้อเท้า จากนั้นเหยียดสะโพกไปด้านหลัง (ทำในท่านอนหงายเพื่อหลีกเลี่ยงแผลกดทับ)

เนื่องจากผู้ป่วยมีภาวะอ่อนแรงซีกขวา ทำให้กล้ามเนื้อสะโพกขวามีอาการอ่อนแรง ไม่สามารถชันเข่าแล้วยกสะโพกได้ จึงควรออกกำลังแบบให้แรงต้านเพื่อเพิ่มกำลังกล้ามเนื้อ

Q : ผู้ป่วยมีอาการอ่อนแรงของแขนข้างขวา เนื่องจากเป็นอัมพฤกษ์ไม่สามารถเอามือขวาไปแตะไหล่ข้างซ้ายได้ควรออกกำลังการโดยการใช้suspensionแบบใด

A :จุดหมุน( Axial fixation )ตรงกับข้อไหล่,จุดเคลื่อน(vertical fixation)ตรงกับข้อมือ จากนั้นหุบแขนเข้า

  เนื่องจากผู้ป่วยมีอาการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อซีก ขวาทำให้ไม่มีแรงในการยกแขนไปแตะไหล่ด้านตรงข้าม จึงใช้suspension ในกางช่วยยกแขนไปแตะไหล่ตรงข้าม