Q :  โรคข้อรูมาตอยด์มีสาเหตุจากอะไร

A :  สาเหตุของโรคข้อรูมาตอยด์ยังไม่ทราบแน่ชัด พันธุกรรมเป็นสาเหตุหนึ่ง โดยพบว่า 10% ของผู้ป่วย
             โรคข้อรูมาตอยด์มีญาติสายตรงที่เป็นโรคนี้เช่นกัน และน่าจะมีสาเหตุจากสภาพแวดล้อมภายนอก
             ประกอบด้วย  เนื่องจากโรคนี้พบได้ทั่วโลก   การติดเชื้อบางชนิดที่มีอยู่ทั่วไป อาจเป็นสาเหตุทำให้
             เกิดโรคได้ มีทั้งเชื้อแบคทีเรียและไวรัส แต่วิธีการก่อโรคของเชื้อที่ทำให้มีข้ออักเสบเรื้อรัง ปัจจุบัน
             ก็ยังไม่มีผู้อธิบายได้     สาเหตุจากฮอร์โมนก็น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะโรคนี้พบในผู้หญิงมากกว่า
             ผู้ชาย และอาการของโรคจะดีขึ้นเมื่อตั้งครรภ์

Q :  การรักษาทางกายภาพบำบัดของโรคข้อรูมาตอยด์         

A :  1.  เพิ่มช่วงการเคลื่อนไหวและกำลังกล้ามเนื้อ
                -  Isotonic  exercise  ในพิสัยที่ไม่มีอาการเจ็บ
                -  Stretching  exercise  กล้ามเนื้อเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและเพิ่มพิสัยของข้อ
                -  ฝึกการทรงตัว
2.  ลดปวด
                -  โดยการทำ  Active  exercise  โดยหลังจากทำ  Active  exercise    ก็ให้ประคบเย็น   เพื่อลดความ
                    เจ็บปวด
                -  Electrical  techniques
                -  Hydrotherapy  ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
                -  การใช้เครื่องพยุงช่วยเดิน
3.  เพิ่มความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ
4.  พัฒนา  Physical  fitness
                -  Passive  or  active  assisted  movement
                -  Isotonic  exercise 

Q :  โรคข้อรูมาตอยด์มีอาการอย่างไร

A :  อาการของโรคข้อรูมาตอยด์ที่พบบ่อยคือ อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย เบื่ออาหาร และข้ออักเสบที่เป็น ลักษณะ ของโรคข้อรูมาตอยด์ ส่วนใหญ่มักจะมีอาการไข้ ต่อมน้ำเหลืองโตและม้ามโตร่วมด้วย

Q : อาการเด่นของโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์

A :  ผู้ป่วยจะมีอาการปวดบวมตามข้อโดยพบที่ข้อขนาดเล็กๆไปหาข้อใหญ่  โดยปวดเริ่มจาก ข้อนิ้วมือ ฝ่ามือ ข้อนิ้วเท้า  จะมีอาการที่ตำแหน่งข้อเหมือนกันทั้งด้านซ้ายและด้านขวา ความปวดจะเป็นมากขึ้นเมื่อใช้งานข้อนั้นๆ และเมื่อพักการใช้ข้อนานๆ เช่น หลังตื่นนอนจะมีอาการข้อยึดแข็ง ขยับไม่ได้เป็นเวลามากกว่า 1 ชั่วโมง

Q :  ถ้ามีอาการปวดเอวเรื้อรังจะเป็นโรคข้อรูมาตอยด์ใช่หรือไม่

A :   ส่วนใหญ่โรครูมาตอยด์จะปวดบริเวณข้อเล็ก เช่นข้อนิ้วมือ ข้อมือ ข้อนิ้วเท้า ทั้งนี้สามารถตรวจยืนยันได้จากการตรวจเลือด

Q :  ผลกระทบที่ร้ายแรงของโรคข้อรูมาตอยด์คืออะไร

A :  ข้อต่อต่างๆผิดรูปทำให้ไม่สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้เหมือนเดิม             

Q :  การดูแลตนเองเมื่อเป็นโรคข้อรูมาตอยด์คืออะไร

A :  การแช่น้ำอุ่น การจุ่มพาราฟินอุ่น   ถ้าน้ำหนักตัวเกินหรือโรคอ้วนควรต้องลดน้ำหนัก จะช่วยลดการรับ
        น้ำหนักของข้อเข่าข้อเท้าได้ แต่ต้องได้รับอาหารที่มีแคลเซียม วิตามินดี และวิตามินซีอย่างเพียงพอ
      เพื่อการบำรุงเนื้อเยื่อและกระดูก

Q : การใช้พาราฟินทางกายภาพบำบัดจึงช่วยลดอาการปวดข้อจากโรครูมาตอยด์ได้อย่างไร

A:  พาราฟินบำบัดที่ดีจะมีคุณสมบัติทางด้านการรักษาได้อย่างดี เป็นการรักษาด้วยความร้อนระดับ superficial heat มีค่าคงตัวในการเก็บกักความร้อน ช่วยลดการอักเสบ คลายกล้ามเนื้อบริเวณตามนิ้ว ลดอาการปวด เพื่อความยืดหยุ่นลดภาวะเสี่ยงจากข้อผิดรูปwfhgxHovpjk’fu  จุ่มได้บ่อยทุกครั้งที่ต้องการ

Q :  การตรวจยืนยันว่าเป็นโรครูมาตอยด์ ( Lab invest ) ของโรคข้อรูมาตอยด์ ต้องเจาะเลือดดูค่าใดบ้าง

A :   -  การตรวจนับเม็ดเลือด  Hemoglobin  และเหล็กน้อยลง  เม็ดเลือดขาวและเกร็ดเลือดมีจำนวน
                เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในระยะที่มีการอักเสบ
            -  การตรวจสอบปัสสาวะจะพบว่ามีโปรตีนมากกว่าปกติ
            -  การตรวจสอบระดับไขมันในเลือด  พบว่าระดับ  Cholesterol  HDL  LDL   และ  Triglyceride
            -  การตรวจการทำงานของตับ   พบระดับอัลมูมินต่ำลงและโกลบูลินสูงขึ้น
            -  การตรวจน้ำไขข้อ   ในระยะอักเสบจะมีลักษณะความหนืดต่ำ  สีขุ่น  เม็ดเลือดขาว 
               ( 2000 – 100000 )