Q & A เรื่อง โรคข้อเข่าเสื่อม (Osteoarthritis of the Knee)
BY...FIRSTPHYSIO http://www.firstphysioclinic.com LINE ID:0852644994
1. Q : ข้อเข่าเสื่อม มักพบได้ในช่วงวัยใด |
A : เป็นโรคที่มักพบในผู้สูงอายุ หรือในวัยกลางคนขึ้นไป |
2. Q : ข้อเข่าเสื่อม มักพบได้ในเพศใดมากกว่ากัน |
A : พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย |
3. Q : ปัจจัยเสี่ยงใดที่ทำให้ข้อเข่าเสื่อมได้เร็วขึ้น |
A : การมีน้ำหนักตัวที่มากเกินไป |
4. Q : อาการเริ่มต้นของโรคข้อเข่าเสื่อม |
A : อาการข้อเข่าเสื่อม เริ่มต้นด้วยการมีอาการปวดข้อเมื่อมีอายุมากขึ้น |
5. Q : โรคข้อเข่าเสื่อม หมายถึง |
A : ภาวะที่ข้อเกิดความผิดปกติเนื่องจากสภาพร่างกายที่เปลี่ยนแปลงแบบถดถอย ซึ่งสัมพันธ์โดยตรงกับ อายุที่มากขึ้น |
6. Q : สาเหตุใดบ้างที่ผิดปกติที่จะเกิดกับข้อเข่ามาก่อนแล้วนำไปสู่โรคข้อเข่าเสื่อม |
A : การอักเสบของข้อเข่าจากสาเหตุต่าง ๆ เช่น ติดเชื้อ ไขข้ออักเสบ กระดูกหัก เป็นต้น แล้วทำให้ใน เวลาต่อมาผิวข้อผิดปกติ และเกิดข้อเสื่อมตามมา |
7. Q : อาการสำคัญของโรคข้อเข่าเสื่อม จะมีอาการเริ่มแรกอย่างไร |
A : อาการปวดเข่า เป็นอาการที่สำคัญเริ่มแรกจะปวดเมื่อยตึงทั้งด้านหน้าและด้านหลังของเข่า หรือ |
8. Q : ข้อเข่าจะมีน้ำหล่อลื่นภายในข้อเรียก synovial fluid ทำหน้าที่อะไร |
A : ทำหน้าที่กระจายน้ำหนักเป็นน้ำหล่อเลี้ยงกล้ามเนื้อรอบเข่าซึ่งป้องกันการสึกของข้อ เมื่อเดินหรือวิ่ |
9. Q : โครงสร้างของข้อเข่าประกอบไปด้วยอะไร |
A : ข้อเข่าของคนเราประกอบไปด้วยกระดูก 3 ส่วนคือ |
10. Q : ผิวข้อ(cartilage) มีหน้าที่อะไร |
A : ทำหน้าที่กระจายน้ำหน้าที่ข้อเข่าได้รับแรงจากส่วนอื่นของร่างกาย |
11. Q : ยกตัวอย่างการตรวจร่างกายหลักๆในผู้ป่วย OA knee |
A : BMI ลักษณะการเดิน ดูจุดกดเจ็บ เป็นต้น |
12. Q : ชนิดของข้อเข่าเสื่อมมีอะไรบ้าง |
A : 1. โรคข้อเข่าเสื่อมปฐมภูมิ ( Primary knee osteoarthritis ) ไม่มีความผิดปกติมาก่อน แต่สัมพันธ์ |
13. Q : อาการที่บ่งบอกว่าจะเป็นโรคข้อเข่าเสื่อม |
A : มีเสียงในข้อ เมื่อเคลื่อนไหวผู้ป่วยจะรู้สึกมีเสียงในข้อและปวดเข่า |
14. Q : ปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคข้อเข่าเสื่อม |
A : อายุ อายุมากมีโอกาสเป็นมากเนื่องจากอายุการใช้งานมาก |
15. Q : อะไรเป็นตัวชะลอการเกิดโรคข้อเข่าเสื่อมได้ |
A : ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและกระดูก ผู้ที่ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและได้รับแคลเซียมใน |
16. Q : แนวทางการรักษาโรคข้อเข่าเสื่อม |
A : เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน ทำกายภาพบำบัด การกินยาแก้ปวดลดการอักเสบ |
17. Q : การทำ therapeutic exs. ทำเพื่ออะไร |
A : เพิ่มความแข็งแรงและความทนทานกล้ามเนื้อรอบข้อ เพิ่มองศาการเคลื่อนไหวของข้อเข่า |
18. Q : หลักการปฏิบัติตัวเพื่อไม่ให้เข่าเสื่อมเร็วกว่าที่ควร |
A : ควบคุมน้ำหนักไม่ให้มากเกินไป หลีกเลี่ยงท่านั่งทำกดกระดูก บริหารข้อเข่าอย่างถูกวิธี |
19. Q : ท่าทางผู้ป่วย OA knee ที่ควรหลีกเลี่ยง |
A : นั่งคุกเข่า นั่งขัดสมาธิ นั่งพับเพียบ นั่งยองๆ ยืนนาน |
20. Q : ในช่วงที่มีอาการปวดแบบเฉียบพลันควรใช้วิธีใดเบื้องต้น |
A : ประคบความเย็นเพื่อลดอาการอักเสบ |
21. Q : การผ่าตัดสำหรับผู้ป่วย ข้อเข่าเสื่อม มีอะไรบ้าง |
A : การผ่าตัดแบบ arthroscopic และ TKR และผ่าตัดเพื่อแก้อาการผิดรูปของข้อเข่า |
22. Q : การผ่าตัด TKR คืออะไร |
A : การใส่ข้อเข่าเทียบแทนข้อที่เสื่อม ซึ่งผลการผ่าตัดจะทำให้หายปวดและใช้ชีวิตประจำวันได้ดีขึ้น |
23. Q : การผ่าตัดแบบ Arthroscopic คือ |
A : การผ่าเข้าไปเอาสิ่งสกปรกออกมา ที่เกิดขึ้นจากข้อสึก |
24. Q : การผ่าแบบ TKR เหมาะกับผู้ป่วยเข่าเสื่อมแบบใด |
A : เหมาะสำหรับผู้ที่มีข้อเสื่อมไม่มาก |
25. Q : วิธีการรักษาที่ได้ผลดี และเสียค่าใช้จ่ายน้อย คือ |
A : การลดน้ำหนัก การออกกำลังกายข้อเข่า การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดำเนินชีวิตประจำวัน |
26. Q : กล้ามเนื้อใดที่ควรออกกำลังกายให้แข็งแรงในผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อมคือ |
A : Quadriceps m. |
27. Q: เนื้อเยื่ออื่น ๆ ในข้อเข่ามีอะไรบ้าง? |
A: หมอนรองกระดูก (meniscus) มีลักษณะเป็นวงแหวนคล้ายกระดูกอ่อนแต่นุ่มกว่า แบ่งเป็น 2 ซีก คือ หมอนรองกระดูกซีกใน (medial meniscus) และซีกนอก (lateral meniscus) ทำหน้าที่เป็นตัวถ่ายน้ำหนัก กันการกระแทกระหว่างกระดูก และช่วยการเคลื่อนไหว เมื่อมีการเคลื่อนไหวทุกครั้ง ผิวกระดูกอ่อน กับหมอนรองกระดูก สัมผัสกันเป็นอย่างดี |
28. Q: เอ็นยึดข้อ (ligaments) แบ่งเป็นกี่กลุ่ม อะไรบ้าง |
A: แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ - เอ็นไข้วภายในข้อ แบ่งย่อยเป็น เส้นหน้า (anterior cruciate ligament) และเส้นหลัง (posterior cruciate ligament) ทำหน้าที่ตรึงให้ข้อเข่าเกิดความมั่นคงในทิศทางหน้า- หลัง - เอ็นด้านข้างของข้อ แบ่งย่อยเป็น เส้นใน (meidal collateral ligament และเส้นนอก (lateral collateral ligament) ทำหน้าที่ตรึงให้ข้อเข่าเกิดความมั่นคงในทิศทางข้างใน และข้างนอก |
29. Q: ผังผืดหุ้มข้อ (joint capsule) ทำหน้าที่อะไร |
A: ทำให้ข้อเป็นโครงสร้างที่ปกปิดไม่มีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปภายใน และทำให้ข้อเข่าเป็นเสมือนถุงที่อยู่ในระบบปิด ทำให้น้ำล่อเลี้ยงข้อกระจายไปทั่วข้อได้ดี |
30. Q: เยื่อหุ้มข้อ (synovium) ทำหน้าที่อะไร |
A: ทำหน้าที่เคลือบผังผืดหุ้มข้อ และสร้างน้ำหล่อเลี้ยงข้อ และเป็นตัวการสำคัญในการตอบสนองของร่างกายต่อการอักเสบในข้อ ซึ่งมักรุนแรงในกรณีที่เกิดโรคไขข้อ อักเสบขึ้น |
31. Q: โรคข้อเข่าเสื่อม (Knee osteoarthritis) คืออะไร ใครเป็นผู้มีความเสี่ยง? |
A: โรคข้อเข่าเสื่อม เป็นภาวะที่ข้อเกิดการเปลี่ยนแปลงแบบถดถอยขึ้น พบสัมพันธ์โดยตรงกับภาวะที่อายุมากขึ้น โรคนี้เป็นหนึ่งในหลายโรคที่เป็นปัญหาเรื้อรังในกลุ่มผู้สูงอายุ เนื่องจากโรคข้อเสื่อมนี้ทำให้ผู้ป่วยเกิดอาการปวดที่ข้อ ข้อขัด ข้อบวม และเคลื่อนไหวข้อไม่เป็นปกติ ถ้าเป็นการเสื่อมของข้อที่รับน้ำหนักก็ทำให้เมื่อเคลื่อนไหวลงน้ำหนักแล้วจะยิ่งปวดมากขึ้นผู้มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคข้อเสื่อมโรคข้อเสื่อมอาจไม่ได้เกิดกับคนทุกคน แต่ผู้ที่มีปัจจัยต่อไปนี้มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคข้อเสื่อม • อายุมากขึ้น • เพศหญิง • อ้วน • กิจกรรมที่เกิดแรงกระแทกที่ข้ออย่างซ้ำ ๆ หรือมากเกินไป • กรรมพันธุ์ • กระดูกผิวข้อแตกจากภัยอันตราย • โรคข้ออักเสบต่าง ๆ • ความผิดปกติในการรับรู้บริเวณข้อ |
32. Q: ข้อเข่าเสื่อมเกิดในคนอายุน้อยได้หรือไม่? |
A: ข้อเข่าเสื่อมในคนอายุน้อยกว่า 50 ปี สามารถเกิดได้ โดยมีสาเหตุส่วนใหญ่จาก อุบัติเหตุรุนแรงบริเวณข้อเข่ามาก่อนส่งผลให้แนวแกนรับน้ำหนักข้อเข่าผิดปกติไป มีกระดูกอ่อนข้อเข่าบาดเจ็บ มีโรคข้ออักเสบเรื้อรัง เช่น รูมาตอยด์ ทำให้ผิวกระดูกอ่อนถูกทำลายตั้งแต่อายุน้อย หรือเป็นโรคกระดูกตายบริเวณข้อเข่า (osteonecrosis) ซึ่งส่งผลต่อมาทำให้ข้อเข่าเสื่อมได้ตั้งแต่อายุน้อย |
33. Q:เวลาเดิน ลุก หรือนั่งแล้วเจ็บเข่า ควรทำอย่างไร? |
A: ผู้ป่วยที่เป็นโรคข้อเข่าเสื่อมมักจะมีปัญหาอาการปวดเข่า เวลาเดิน นั่งกับพื้น หรือลุกจากนั่ง ซึ่งเป็นอาการที่พบได้บ่อย ในกรณีที่อาการไม่มาก การปรับเปลี่ยนท่าทาง และพฤติกรรม เช่น นั่งกับเก้าอี้แทนการนั่งกับพื้น การใช้แขนช่วยยันตัวขึ้นตอนลุกจากนั่ง หรือการใช้ไม้เท้าช่วยพยุงเวลาเดิน รวมถึงการบริหารกำลังกล้ามเนื้อต้นขาจะช่วยบรรเทาอาการปวดได้ แต่ในกรณีที่มีอาการมาก หรือปรับเปลี่ยนท่าทางแล้วอาการปวดไม่บรรเทา แนะนำปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัย ให้การรักษาและคำแนะนำต่อไป |
34. Q: ข้อเข่าเสื่อมแล้วออกกำลังกายได้หรือไม่? |
A: การออกกำลังกายเป็นคำแนะนำให้ควรปฏิบัติสำหรับผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อม โดยแนะนำให้ออกกำลังกายด้วยวิธีที่ไม่สร้างภาระให้กับข้อเข่า หลีกเลี่ยงการกระโดด กระแทก การบิดเข่า เป็นต้น สำหรับการออกกำลังกายในน้ำ เช่น ว่ายน้ำ หรือเดินในน้ำ จะช่วยให้ข้อเข่ารับภาระน้อยลง มีการฝึกการเคลื่อนไหวของข้อเข่าได้ดี รวมถึงการออกกำลังกายด้วยการปั่นจักรยานนั้นสามารถทำได้ การบริหารกำลังกล้ามเนื้อต้นขาโดยไม่ใช้น้ำหนักต้าน เช่น การนั่งเกร็งต้นขาและยกปลายเท้าขึ้น จะช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้น ช่วยบรรเทาอาการปวดได้ ผู้ที่มีอาการเจ็บบริเวณข้อเข่าด้านหน้า ซึ่งมีความเสื่อมของข้อสะบ้า ให้หลีกเลี่ยงการลุกนั่ง การก้าวขึ้นที่สูง การออกแรง เหยียดเข่าโดยมีแรงต้าน เป็นต้น เพราะจะทำให้เจ็บและมีการเสื่อมมากขึ้น |
35. Q: ข้อเข่าเสื่อมแล้วกินอาหารเสริมช่วยได้หรือไม่? |
A: จากการศึกษาแบบวิเคราะห์ (meta-analysis) พบว่าอาหารเสริมในกลุ่ม glucosamine หลายยี่ห้อไม่สามารถช่วยลดอาการปวดหรือเพิ่มการทำงานของข้อเข่าในผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อมได้ดีกว่ายาหลอก (placebo) อย่างไรก็ตามประสิทธิภาพของอาหารเสริมอาจแตกต่างกันในผู้ป่วยแต่ละราย ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของข้อเข่าเสื่อม |
35. Q: การฉีดยาน้ำหล่อเลี้ยงข้อเข่าช่วยรักษาได้อย่างไร และช่วยรักษาอาการได้นานแค่ไหน? |
A: ถ้าเปรียบข้อเข่าเหมือนกระบอกสูบรถยนต์ที่จะทำงานได้ดีเมื่อมีน้ำมันหล่อลื่น ในคนปกติจะมีเนื้อเยื่อรอบหัวเข่าผลิตสารหล่อลื่นช่วยในการเคลื่อนไหวในข้อเข่า เมื่อมีอาการข้อเข่าเสื่อมน้ำมันหล่อลื่นในข้อเข่ามีการเปลี่ยนสภาพไป ไม่มีประสิทธิภาพเท่าเดิม รวมถึงอาจมีปริมาณน้อยกว่าเดิมในผู้ป่วยบางคน จากการศึกษา (meta-analysis) พบว่าการฉีดน้ำหล่อเลี้ยงข้อเข่าเทียมสามารถช่วยลดอาการปวด และเพิ่มการเคลื่อนไหวข้อเข่าได้ในผู้ป่วยบางคนเท่านั้น โดยจะช่วยรักษาอาการได้ประมาณ 6 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของข้อเข่าเสื่อมของผู้ป่วย |
36. Q: การฉีดยาน้ำหล่อเลี้ยงข้อเข่าช่วยรักษาได้อย่างไร และช่วยรักษาอาการได้นานแค่ไหน? |
A: ถ้าเปรียบข้อเข่าเหมือนกระบอกสูบรถยนต์ที่จะทำงานได้ดีเมื่อมีน้ำมันหล่อลื่น ในคนปกติจะมีเนื้อเยื่อรอบหัวเข่าผลิตสารหล่อลื่นช่วยในการเคลื่อนไหวในข้อเข่า เมื่อมีอาการข้อเข่าเสื่อมน้ำมันหล่อลื่นในข้อเข่ามีการเปลี่ยนสภาพไป ไม่มีประสิทธิภาพเท่าเดิม รวมถึงอาจมีปริมาณน้อยกว่าเดิมในผู้ป่วยบางคน จากการศึกษา (meta-analysis) พบว่าการฉีดน้ำหล่อเลี้ยงข้อเข่าเทียมสามารถช่วยลดอาการปวด และเพิ่มการเคลื่อนไหวข้อเข่าได้ในผู้ป่วยบางคนเท่านั้น โดยจะช่วยรักษาอาการได้ประมาณ 6 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของข้อเข่าเสื่อมของผู้ป่วย |
37. Q: พฤติกรรมอะไรบ้างที่ส่งเสริมให้เกิดข้อเข่าเสื่อม? |
A: การใช้งานข้อเข่าที่รุนแรงหรือในท่าผิดปกติ ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน เช่น การวิ่งมาราธอน การทำงานหรือกิจกรรมที่ต้องนั่งยองหรือคุกเข่านานๆ สามารถส่งเสริมให้เกิดข้อเข่าเสื่อมได้ในอนาคต |
38. Q: ข้อเข่าเสื่อมจำเป็นต้องผ่าตัดหรือไม่? |
A: ข้อเข่าเสื่อมแบ่งความรุนแรงทางภาพเอกซเรย์ได้ 4 ระดับ ซึ่งความรุนแรงระดับที่ 3 หรือ 4 เป็นระดับที่พบได้บ่อยในผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยวิธีผ่าตัด อย่างไรก็ตาม การจะรักษาด้วยวิธีผ่าตัดยังต้องพิจารณาร่วมกับกับอาการปวด และคุณภาพชีวิตในด้านการยืน เดิน ของผู้ป่วย ดังนั้นผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อมไม่จำเป็นต้องผ่าตัดรักษาทุกคน |
39. Q: วิสโคซัพพลีเมนเทชั่น (Viscosupplementation) คืออะไร |
A: ทางเลือกใหม่สำหรับการรักษาโรคข้อเข่าเสื่อม โดยใช้วิธี วิสโคซัพพลีเมนเทชั่น(Viscosupplementation) ด้วยการฉีดน้ำเลี้ยงข้อเทียมเข้าไปแทนที่น้ำเลี้ยงข้อที่เสื่อมสภาพ ทำให้ข้อเข่ากลับสู่สภาพใกล้เคียงปกติได้ |
40. Q: ข้อดีของการรักษาแบบ วิสโคซัพพลีเมนเทชั่น มีอะไรบ้าง |
A: ใช้การฉีดน้ำเลี้ยงข้อเทียมเข้าไปแทนที่น้ำเลี้ยงข้อที่เสื่อมสภาพ สามารถลดหรือกำจัดอาการปวดข้อได้ประมาณ 6 เดือนหรือมากกว่า ลดการติดของข้อ ทำให้ข้อเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ผู้ป่วยสามารถกลับมาทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันได้ใกล้เคียงปกติ |
41. Q: น้ำเลี้ยงข้อเทียมทำงานอย่างไร |
A: น้ำเลี้ยงข้อเทียม จะเข้าไปแทนที่หรือช่วยเสริมน้ำเลี้ยงข้อเข่าที่เสียไปจากโรคข้อเสื่อมซึ่ง น้ำเลี้ยงข้อเทียมจะมีความยืดหยุ่น และความหนืดใกล้เคียงน้ำเลี้ยงในข้อเข่าคนปกติช่วยทำหน้าที่รับแรงกระแทกและ หล่อลื่นในข้อเข่า |
42. Q: การรักษาด้วยการฉีดน้ำเลี้ยงข้อเทียมปลอดภัยหรือไม่ |
A: น้ำเลี้ยงข้อเทียมออกฤทธิ์เฉพาะที่ต่อข้อเข่า มากกว่าการที่จะออกฤทธิ์ ต่อร่างกายโดยรวม ดังนั้นจึงไม่มีผลข้างเคียงเหมือนการรักษาโดยการทานยา |
43. Q: ผู้ป่วยแบบใดจะได้รับผลดีที่สุดจากการรักษาโดยการฉีดน้ำเลี้ยงข้อเทียม |
A: ผู้ป่วยที่มีอาการปวดจากโรคข้อเข่าเสื่อมในระดับอ่อนจนถึงปานกลาง ผู้ป่วยที่ต้องจำกัดกิจกรรมต่าง ๆในชีวิตประจำวัน และในผู้ป่วยที่ต้องการหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงจากการใช้ยา จะได้รับผลดีอย่างสูงสุดจากการรักษาโดยการฉีดน้ำเลี้ยงข้อเทียม |
44. Q: ปัจจุบันมีเทคโนโลยีช่วยเสริมการผ่าตัด อื่นใดอีกบ้าง |
A: ปัจจุบันมีเทคโนโลยีช่วยเสริมการผ่าตัด ที่เรียกว่า คอมพิวเตอร์ช่วยในการผ่าตัดข้อหรือคอมพิวเตอร์ระบบนำวิถี (Navigation system)เป็นระบบช่วยวางแผนในการผ่าตัดเปลี่ยนข้อกระดูก ช่วยในการกำหนดขนาดของข้อเสื่อมที่สมดุลกับกระดูกข้อจริง รวมถึงตำแหน่งในการวางจะมีความแม่นยำ เหมือนกับการวางแผนไว้ในฟิล์มเอ็กซเรย์ก่อนผ่าตัด ความคลาดเคลื่อนจะน้อยมาก |
45. Q: การผ่าตัดด้วยระบบนำวิถี มีขั้นตอนในการรักษาอย่างไร |
A: สำหรับขั้นตอนการผ่าตัดด้วยระบบนำวิถี แพทย์จะทำการติดตั้งอุปกรณ์รับส่ง สัญญาณเข้ากับกระดูกของผู้ป่วยส่วนที่จะ ผ่าตัด เพื่อทำการส่งสัญญาณภาพไปยังจอคอมพิวเตอร์ด้วยระบบแสงอินฟราเรด หรือระบบคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ซึ่งไม่เป็นอันตรายต่อผู้ป่วยหรือแพทย์ผู้รักษา จากนั้นแพทย์จะทำการหาตำแหน่งของข้อที่ต้องการผ่าตัด และเมื่อได้ตำแหน่งที่เหมาะสม ระบบจะทำการสร้างภาพเสมือนจริงแบบ 3 มิติ ซึ่งแพทย์สามารถวางแผนการผ่าตัดหรือทดลองผ่าตัดบนจอคอมพิวเตอร์ก่อนการผ่า ตัดจริง เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการผ่าตัดจริง |
46. Q: ระยะเวลาในการผ่าตัดด้วยระบบนำวิถีนานเพียงใด |
A: สำหรับการผ่าตัดที่ใช้ระบบนำวิถีเป็นตัวเสริมจะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 20 นาที ซึ่งนานกว่าการผ่าตัดแบบมาตรฐาน เนื่องจากระบบนี้ต้องใช้เวลาในการตรวจค่าความแม่นยำสูง |
47. Q: การผ่าตัดด้วยระบบนำวิธีมีข้อดีอย่างไร |
A: ข้อดีของระบบนี้ ช่วยลดความผิดพลาดระหว่างการผ่าตัดได้ เพราะแพทย์สามารถดูรายละเอียดระหว่างการผ่าตัดบนจอคอมพิวเตอร์ ซึ่งจากเดิมต้องใช้ตาเปล่าเท่านั้น การใช้ระบบนี้จึงเพิ่มความแม่นยำขึ้นเห็นได้จากที่ผ่านมาการเปลี่ยนข้อเข่าเทียมในผู้ป่วย พบว่า แนวการใส่ข้อเข่าเทียมตรงตามที่คาดไว้ขณะที่การผ่าตัดที่ไม่ใช้ระบบดังกล่าว จะใส่ข้อเข่าเทียมออกนอกแนวเกือบร้อยละ 2 นอกจากนี้ยังช่วยลดอันตรายจากการรับรังสีระหว่างผ่าตัด โดยเฉพาะการผ่าตัดใส่โลหะดามกระดูก ปกติแพทย์ต้องฉายรังสีเอ็กซเรย์จากเครื่อง Fluoroscope หากรับรังสีในปริมาณมากและยาวนานย่อมส่งผลต่อร่างกายในระยะยาว โดยเฉพาะเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็ง และที่สำคัญต้องอาศัยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญหากคำนวณมุมผ่าตัดคลาดเคลื่อน ย่อมทำให้การใส่ข้อเทียมคลาดเคลื่อนด้วย ถือเป็นอีกทางเลือกในการนำเทคโนโลยีอันทันสมัยมาเป็นตัวช่วยในผู้ป่วยโรค กระดูกเสื่อม |
48. Q: การผ่าตัดเปลี่ยนแนวกระดูก (Osteotomy) คืออะไร |
A: จะใช้ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการเข่าโก่งนิดๆ ซึ่งแพทย์จะทำการผ่าตัดและปรับให้ กระดูกเอียงกลับมาในทิศทางตรงกันข้าม เพื่อลดแรงผ่านข้อด้านที่มีการสึกมากๆ และใส่เหล็กดามเข้าไป เหมาะกับผู้ป่วยที่อายุน้อยและเข่ายังเสื่อมไม่มาก ที่สำคัญคือ เข่าต้องเสื่อมเพียงด้านเดียว อีกด้านหนึ่งต้องยังดีอยู่ ถ้าเข่าเสื่อมทั้ง 2 ด้าน หรือลูก สะบ้าเสื่อมมากๆ จะไม่สามารถผ่าตัดด้วยวิธีนี้ได้ ข้อเสียของการผ่าตัดด้วยวิธีนี้คือ ผู้ ป่วยต้องใส่เฝือก หรือว่าอาจจะให้ลงน้ำหนักได้ช้า คือ ต้องรอ 1-2 เดือน ถึงจะให้ลงน้ำหนักได้เต็มที่ ส่วนข้อดีคือ ยังไม่ต้องใส่ข้อเทียมลงไป ยังเก็บกระดูกของคนไข้เอาไว้ได้อยู่ |
49. Q: การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมเสี้ยวเดียว (Unicompartmental knee replacement) คืออะไร |
A: ซึ่งมักจะเป็นการเปลี่ยนด้านในของข้อเข่า เหมาะกับผู้ป่วยที่เข่ายังโก่งไม่มาก และอีกด้านหนึ่งของเข่ายังดีและลูกสะบ้าก็ยังไม่เสื่อมมาก ข้อดีก็คือ เจ็บไม่มาก สามารถที่จะลงน้ำหนักเดินได้ภายใน 1-2 วัน ผู้ป่วยกลับบ้านเร็ว ข้อเสียคือ ต้องมีการใส่ข้อ เทียมเข้าไปและเสียค่าใช้จ่ายมากกว่าการผ่าแบบเปลี่ยนแนวกระดูก |
50. Q: เหตุใดโรคข้อเสื่อมจึงเกิดที่ข้อเข่ามากที่สุด |
A: เข่า เป็นข้อต่อที่มีความซับซ้อนมากที่สุดข้อหนึ่ง ในร่างกาย เพราะเป็นข้อต่อระหว่างกระดูกต้นขาและกระดูกหน้าแข้ง ซึ่งเป็นกระดูกส่วนที่ยาวที่สุดของร่างกาย และนอกจากนี้ยังต้องรองรับการหมุน พับ และกางออกตามความต้องการในการเคลื่อนไหวของร่างกาย อาการปวดที่ข้อเข่าจะทำให้การเคลื่อนไหวถูกจำกัดอย่างมาก ทำให้ผู้ที่เป็นรู้สึกอ่อนแอและไม่มั่นใจในการทำกิจกรรมปกติที่คนทั่วไปทำได้ เช่นการเดินหรือการขึ้นบันได |
51. Q: การรักษาโรคข้อเสื่อมมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ในปัจจุบัน |
A: ปัจจุบันเรามีทางเลือกใหม่ในการรักษาสำหรับผู้ที่เป็นโรคข้อเข่าเสื่อม โดยใช้วิธี Viscosupplementation ด้วยการฉีดน้ำเลี้ยงข้อเทียมเข้าไปแทนที่น้ำเลี้ยงข้อที่เสื่อมสภาพ ทำให้ข้อเข่ากลับสู่สภาพใกล้เคียงปกติได้ |
ถาม-ตอบ ข้อสงสัยเกี่ยวกับกายภาพบำบัด
>>>เฟิร์สฟิสิโอคลินิกกายภาพบำบัด
>>>http://www.firstphysioclinic.com
>>>LINE ID: 0852644994
หน้าที่เข้าชม | 3,206,882 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 2,288,805 ครั้ง |
เปิดร้าน | 31 ต.ค. 2556 |
ร้านค้าอัพเดท | 5 ก.ย. 2568 |