เท้าเป็นอวัยวะที่ทีความสำคัญอย่างยิ่งในการรับน้ำหนัก และพาเราก้าวเดินไปตามที่ต่างๆ ถึงแม้เท้าจะเป็นอวัยวะเล็กๆแต่รู้หรือไม่ว่า เท้าแต่ละข้างมีกระดูกมากถึง 26 ชิ้น กล้ามเนื้อ 23 มัด และเส้นเอ็น 107 เส้น
ตำแหน่งการรับน้ำหนักของ "เท้า"
จากการศึกษาพบว่า ขณะยืนน้ำหนักตัวประมาณ 60% กดลงที่ส้นเท้า อีก 40% กดลงที่ส้นเท้าส่วนหน้า ขณะเดินเท้ารับน้ำหนัก 120% ของน้ำหนักตัว และขณะวิ่งเท้ารับน้ำหนักมากถึง275%ของน้ำหนักตัวจึงไม่น่าแปลกใจที่พบว่าปัญหาเรื่องเท้าเป็นปัญหาที่พบได้บ่อย นอกจากนี้ยังพบว่าการปวดเท้าจะนำไปสู่ปัญหาต่างๆ เช่น ปวดเข่า ปวดสะโพก และปวดหลัง
เป็นการผิดรูปของนิ้วหัวแม่เท้าโดยกระดูกปลายนิ้วหัวแม่เท้าเกเบียดไปทางนิ้วเท้าด้านถัดไป และดันให้กระดูกโคนนิ้วหัวแม่เท้านูนออกมามักมีการเบียดและเสียดสีกับรองเท้า
-มักเกิดขึ้นจาก พันธุกรรม โรคข้อบางชนิด การใส่รองเท้าแคบและรองเท้าส้นสูง
-การป้องกันรักษา ลดการเจ็บปวดโดยการควบคุมน้ำหนัก ใส่รองเท้าส้นเตี้ยที่มีหน้ากว้างเพียงพอ เสริมหรือปรับรองเท้า รับประทานยา ในรายที่ผิดรูปมากต้องทำการผ่าตัด
-มักเกิดจาก การกระจายน้ำหนักลงไปที่ฝ่าเท้าส่วนหน้ามากผิดปกติ ทำให้มีอาการเจ็บเท้าโดยเฉพาะตอนลงน้ำหนัก เกิดตาปลาและหนังหนาด้านขึ้นบริเวณนั้นหรืออาจเกิดจากการใส่รองเท้าที่ไม่เหมาะสมกับความกว้างของรูปเท้า ทำให้เส้นประสาทถูกบีบ เสียดสี และอักเสบ จนบางครั้งอาจบวมเป็นก้อน
-การป้องกันรักษา ควบคุมน้ำหนัก หลีกเลี่ยงการเดินเท้าเปล่า ใส่รองเท้าที่มีขนาดและความกว้างเหมาะสมกับรูปเท้า พื้นรองเท้านุ่ม เสริมหรือเปลี่ยนรองเท้า จะผ่าตัดเมื่อจำเป็นเท่าน้น
เป็นภาวะที่อุ้งเท้าด้านในต่ำหรือไม่มีเลย อาจเป็นแต่กำเนิดหรือเกิดขึ้นภายหลัง อาจเป็นภาวะปกติหรือผิดปกติก็ได้
-มักเป็นทั้งสองข้าง ส่วนใหญ่เกิดจากพันธุกรรม เด็กมักบ่นว่าเท้าหรือขาอ่อนล้าง่าย ร่วมกับปวดอุ้งเท้าหรือบริเวณใต้ตาตุ่มด้านนอก อาการมักเป็นมากขึ้นเมื่อลงน้ำหนัก โดยพบว่าส้นเท้าล้มเอียงและปลายเท้าปัดออกมากกว่าปกติ มักพบร่วมกับกล้ามเนื้อน่องและเอ็นร้อยหวายตึง
-การรักษาอาจไม่จำเป็นถ้าไม่มีอาการ แต่หากส้นเท้าล้มเอียงมากขึ้นเรื่อยๆอาจทำให้ข้อเสื่อมและเคลื่อนไหวได้น้อย
-ส่วนใหญ่เกิดกับผู้หญิงอายุ 45 – 65 ปี เนื่องจากเอ็นประคองอุ้งเท้าหย่อนหรือสูญเสียหน้าที่ มักเป็นข้างเดียว มักปวดบริเวณอุ้งเท้าและข้อเท้าด้านใน หรืออาจปวดบริเวณใต้ตาตุ่มด้านนอกร่วมด้วย อาการกำเริบเมื่อใช้งานหนักหรือเดินมาก ถ้าเป็นมากขึ้นอาจเขย่งปลายเท้าไม่ได้ เท้าผิดรูป และข้อติดตามมา
-การบำบัดรักษามุ่งเน้นไม่ให้ผิดรูปมากขึ้น และลดอาการปวดโดยการบริหารข้อเท้าอย่างเหมาะสม การคุมน้ำหนัก การเสริมและปรับรองเท้า พิจารณาผ่าตัดเมื่อจำเป็น
พังผืดใต้ฝ่าเท้าเป็นพังผืดปกติที่ทอดยาวจากกระดูกส้นเท้าถึงกระดูกปลายฝ่าเท้า มีส่วนสำคัญมากต่อการเดินและวิ่ง โดยทำงานสมดุลกับเอ็นร้อยหวาย
-มักเกิดจากน้ำหนักตัวที่มากเกินกว่ามาตรฐาน ตำอหน่งที่อักเสบบ่อยคือจุดเกาะที่ตำแหน่งส้นเท้า โดยเริ่มจากบาดเจ็บเล็กๆน้อยๆที่สะสมมานาน มักร่วมกับเอ็นร้อยหวายตึง ซึ่งอาจเป็นผลมาจากการใส่รองเท้าส้นสูงมานาน การขาดการออกกำลังกาย หรือการออกกำลังกายที่ไม่เหมาะสม
-อาการปวดส้นเท้ามักเป็นในช่วงเช้า โดยเฉพาะก้าวแรกที่ลงจากเตียง หรือเมื่อลุกขึ้นยืนหลังจากนั่งนานๆ เมื่อเดินไประยะหนึ่งอาการจะทุเลา แต่หากอาการอักเสบรุนแรงจะปวดมากขึ้นหลังจากยืนนานหรือเดินนานๆได้
-การบำบัดรักษาที่สำคัญที่สุดคือ การนวดฝ่าเท้าด้วยตัวเอง ร่วมกับการยืดเอ็นร้อยหวายหรือพังผืดใต้ฝ่าเท้า วันละ 2-3 รอบ รอบละ 10-15 ครั้ง ดังนี้
-การบำบัดรักษาอื่นๆ ได้แก่ รับประทานยาต้านการอักเสบที่ไม่ใฃ่สเตียรอยด์ การแช่เท้าในน้ำอุ่น การทำกายภาพบำบัดเพื่อลดอาการปวด การควบคุมน้ำหนัก การคุมน้ำหนัก การเสริมและการปรับรองเท้า
-ลำตัวเอียงไปด้านซ้ายหรือขวาด้านใดด้านหนึ่งเอวและใบหน้าจะเอียงไปด้านตรงข้าม
-ไหล่ข้างซ้ายหรือขวา ข้างใดข้างหนึ่งเอียงค่อนมาทางด้านหน้า เอวจะเอียงไปทางด้านตรงกันข้าม
-ทำให้เกิดอาการเจ็บบริเวณเอวด้านใดด้านหนึ่ง
-ผู้ที่หลังโก่งกระดูกบริเวณไหล่จะโค้งงอ ซึ่งทำให้ใบหน้ายื่นออกมาข้างหน้า
-ทำให้เกิดอาการเจ็บที่ไหล่และเอว
-มีหลายคนที่บริเวณด้านล่างของท้องยื่นออกมาทางด้านหน้า ทำให้หลังแอ่น กระดูกบั้นเอวจะเอียงไปทางด้านหน้าทำให้เอวต้องรับน้ำหนักมาก
-ทำให้เกิดอาการเจ็บบริเวณเอว
-ข้อต่อกระดูกของหัวเข่า เอว และข้อต่อสะโพกต้องรับหน้าที่หลัก
-มักทำให้เกิดอาการเจ็บบริเวณหัวเข่าทั้งสองข้าง
-คือสภาพของช่องว่างระหว่างหัวเข่าวัดได้กว้างกว่าสองนิ้วมือ ส้นเท้าทั้งสองข้างบิดเข้าหากัน
-มักจะทำให้เกิดอาการเจ็บที่หัวเข่าทั้งสองข้าง
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ คลินิกกายภาพบำบัดเฟิร์ส ฟิสิโอ
www.firstphysioclinic.com สายด่วน 085-264-4994
หน้าที่เข้าชม | 3,206,882 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 2,288,805 ครั้ง |
เปิดร้าน | 31 ต.ค. 2556 |
ร้านค้าอัพเดท | 5 ก.ย. 2568 |