Q & Aเรื่อง กายภาพบำบัดในมดลูกเคลื่อน
BY...FIRSTPHYSIO http://www.firstphysioclinic.com LINE ID:0852644994
Q: มดลูกเคลื่อน คืออะไร |
A: มดลูกเคลื่อน เป็นสภาวะที่เกิดกับตัวมดลูกที่ผิดปกติไป เกิดการบิดเบี้ยวไปจากรูปปกติ อาการทั่วไป คือ มีอาการปวดหลัง ปวดเอว ปวดท้องน้อย |
Q: ทำไมมดลูกจึงเคลื่อนได้ |
A: มดลูกอยู่ในช่องท้องน้อยและสามารถเคลื่อนไปได้ทั้งทางซ้ายขวาบนล่าง โดยปกติตำแหน่งของมดลูกอยุ่ในแนวตั้งระหว่างกระเพาะปัสสาวะกับทวารหนัก แต่ตำแหน่งดังกล่าวอาจเคลื่อนไปได้หากกระเพาะปัสสาวะเต็มหรือทวารหนักเต็มไป ด้วยกากอาหารคั่งค้าง |
Q: สาเหตุที่ทำให้มดลูกเคลื่อนผิดปกติเกิดจากสาเหตุใด |
A: สาเหตุที่ทำให้มดลูกเคลื่อนผิดปกติ -เป็นคนขี้กลัว ตกใจง่าย และมีความเครียดสะสม - เป็นคนที่คลอดบุตรเอง แต่ไม่ได้อยู่ไฟเพราะจะมีของเสียตกค้างในมดลูก - ชอบทานของหมักดอง เช่น มะม่วงดอง ฝรั่งดอง ปลาร้า ปูดอง หน่อไม้ดอง ปลาส้ม เป็นต้น - การไม่มีความสุขในเรื่องบนเตียง ซึ่งส่งผลให้เกิดความเครียดสะสม ก็จะย้อนมาทำให้เกิดมดลูกผิดปกติ |
Q: การเคลื่อนของมดลูกสามารถเคลื่อนได้กี่แบบ |
A: โรคมดลูกเคลื่อน มีการเคลื่อนของมดลูกอยู่ 3 แบบ คือ มดลูกตะแคง, มดลูกต่ำ, มดลูกลอย |
Q: มดลูกต่ำมีสาเหตุมาจากอะไร |
A: การที่มดลูกต่ำเกิดจากภาวะหลังจากคลอดแล้วมดลูกไม่เข้าอู่ เกิดจากการที่กระบังลมหย่อนแล้วมาดันมดลูกเคลื่อนลงต่ำ เกิดจากการที่มีภาวะท้องผูกบางซึ่งเป็นผลทำให้มีแรงดันมดลูกเลื่อนลงต่ำและอีกสาเหตุคือ อุบัติเหตุก้นกระแทกพื้น |
Q: ถ้ามดลูกต่ำจะมีอาการเป็นอย่างไร |
A: อาการที่พบได้คือ จะปัสสาวะวันละหลายสิบครั้งเนื่องจากมดลูก อยู่เหนือต่อกระเพาะปัสสาวะเมื่อ เลื่อนตัวลงต่ำทำให้ ไปกดกระเพาะปัสสาวะ,ปัสสาวะเล็ดเวลาหัวเราะ ไอ จาม,ปวดหลังเรามาท้องน้อย, ประจำเดือนมาผิดปกติ |
Q: มดลูกต่ำมีต่ำลงมาอีกระยะแล้วแต่ละระยะมีลักษณะอย่างไร |
A: มดลูกต่ำแบ่งได้ 4 ระยะดังนี้ 1. มดลูกเลื่อนต่ำกว่าตำแหน่งเดิม 2. มดลูกเรื่องต่ำถึงระดับเยอะพรหมจารี 3. มดลูกโผล่ออกมาอยู่บริเวณปากช่องคลอด 4. มดลูกหลุดห้อยออกมาข้างนอกเกือบทั้งหมด |
Q: มดลูกลอยมีสาเหตุมาจากอะไร |
A: มดลูกลอย มีสาเหตุมาจากการคลอดบุตรแล้วไม่ได้อยู่ไฟ, กระบังลมหย่อนตัว, การกลั้นปัสสาวะอุจจาระท้องผูกเรื้อรัง, อุบัติเหตุก้นกระแทก เนื่องจากมดลูกไม่ได้ยึดติดกับสิ่งใดเมื่อโครงสร้าง ที่อยู่เหนือมดลูกหย่อนหรือส่วนล่างของมดลูกมีความหนาแน่นมากซึ่งสามารถดันให้มดลูกเคลื่อนทำให้มดลูกลอยขึ้นได้ |
Q: ถ้ามดลูกลอยจะมีอาการเป็นอย่างไร |
A: ผายลมทางช่องคลอดเวลาก้าวเดินเสียวช่องคลอดปวดต้นคอร้าวมาที่ท้องน้อยไม่ทนร้อนทนหนาวใจหวิวอ่อนเพลีย |
Q: มดลูกตะแคงมีสาเหตุมาจากอะไร |
A: เกิดจากอุบัติเหตุ หกล้ม ก้นกระแทกตกจากที่สูง ยกของหนักเกินกำลัง โดยเฉพาะขณะมีรอบเดือนมารวมถึงการอักเสบของเส้นสิขิณี เป็นได้ทั้งหญิงที่แต่งงานและไม่ได้แต่งงาน |
Q: การขยายขนาดของมดลูกมีผลต่อกระบังลมอย่างไร |
A: มดลูกจะอยู่ล่างต่อกระบังลมภายในช่องท้อง เมื่อมดลูกขยายตัวขณะตั้งครรภ์จะใหญ่ ขึ้นไปทางด้านบน กล้ามเนื้อต่างๆ ขยายตัวตามขนาดของมดลูกไปด้วย กล้ามเนื้อกระบังลมและเส้นเอ็นที่ทำหน้าที่ยึดมดลูกอยู่ต้องแข็งแรงพอ และสามารถรับน้ำหนักเด็กในท้องที่โตขึ้นทุกวันในระหว่างการคลอดกระบังลมได้รับแรงกดดันอย่างมาก อย่างน้อยกระบังลมจะต้องทนรับน้ำหนักได้ถึง 15 กิโลกรัม หลังจากมดลูกหดตัวเข้าอู่กระบังลมจึงจะหดตัวสู่สภาพปกติ ในระหว่างนี้หากกล้ามเนื้อกระบังลมไม่มีแรงหรือหย่อนยาน กระบังลมจะหดกลับดังเดิมได้ยาก |
Q: นอกจากภาวะอุ้งเชิงกรานหย่อนจะส่งผลให้เกิดภาวะมดลูกต่ำแล้วยังส่งผลเสียอะไรอีกบ้าง |
A: - ระบบปัสสาวะผิดปกติ เช่น หูรูดท่อปัสสาวะไม่สามารถเก็บปัสสาวะได้ ท่อปัสสาวะหย่อนไม่สามารถกลั้นปัสสาวะได้ - ส่วนปลายของลำไส้หย่อน ส่งผลให้มีการยื่นของลำไส้ใหญ่เข้ามาในช่องคลอด - ไส้เลื่อน เป็นภาวะที่มีการเลื่อนของลำไส้ส่วนบนลงมาในช่องคลอด |
Q: วิธีรักษาอาการมดลูกเคลื่อนทำได้อย่างไรบ้าง |
A: วิธีรักษาอาการมดลูกเคลื่อนที่ดีที่สุด คือ วิธีธรรมชาติบำบัด หากปล่อยอาการนี้เป็นอยู่นานโอกาสที่จะหายจะยาก หากผู้ป่วยอ่อนกำลังและมีอายุสุขภาพอ่อนแอกว่าปกติ โอกาสที่จะหายขาดยิ่งเป็นไปได้ยาก การผ่าตัดอาจเป็นวิธีแก้ปัญหาแต่หลังผ่าตัดต้องพักฟื้นนาน การรักษาด้วยวิธีธรรมชาติบำบัดใช้เวลาประมาณ 2 เดือนจึงจะหาย |
Q: การรักษามดลูกต่ำทำอย่างไรได้บ้าง |
A: การรักษาภาวะมดลูกต่ำ ขึ้นอยู่กับความรุนแรงหรือระยะของภาวะมดลูกต่ำที่ผู้ป่วยเป็นอยู่ถ้าเป็นไม่มาก (สังเกตได้จากการเริ่มมีปัสสาวะเล็ดขณะไอหรือจาม) สามารถฝึกการบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานโดยการ ขมิบ โดยการขมิบที่ถูกต้องก็เหมือนกับเวลาที่กลั้นอุจจาระ ให้ทำค้างไว้เป็นเวลา 5 – 10 วินาที ต่อครั้ง ปล่อยตัวตามสบายประมาณ 3 วินาทีแล้วขมิบใหม่ ทำเป็นเซต เซตละ 10 ครั้ง วันละ 10 เชต นับรวมได้ 100 ครั้งต่อวัน โดยที่สามารถทำการขมิบได้ทุกที่ทุกเวลาไม่ว่าจะนั่ง จะนอน ขับรถก็สามารถทำได้รักษาด้วยการผ่าตัด จะใช้เมื่อประสบภาวะมดลูกต่ำอย่างรุนแรง จะต้องพิจารณาถึงปัจจัยอื่นๆของผู้ป่วยด้วย เช่น อาการที่แสดงออกมา อายุ ความสัมพันธ์ทางเพศ หรือความต้องการมีบุตร |
Q: เราจะทราบได้อย่างไรเมื่อประสบกับภาวะมดลูกต่ำมดลูกผิดปกติ |
A: ต้องอาศัยการสังเกตว่าภายในช่องคลอดประมาณ 3 นิ้วหรือเมื่อลองเอานิ้วสอดเข้าไปจนสุดแล้วปลายนิ้วสัมผัสลูกได้แต่ถ้าใครสอดเข้าไปแค่ครึ่งนิ้วหรือสัมผัสดูเหมือนมีอะไรห้อยย้อยลงมาโดยเฉพาะยิ่งถ้าลองออกแรงเบ่งหรือไอแรงแรงดูแล้วพบว่ายิ่งยืนห้อยลงมาแล้วแล้วก็แสดงว่าต้องมีการหย่อนของกะบังลมเกิดขึ้น รายที่เป็นมากอาจพบปัสสาวะเล็ดออกมาพร้อมกับเวลาไอด้วยและควรลองเข้าช่องคลอดดูด้วยว่ายังรู้สึกว่ามีผนังช่องคลอดกระชับแน่นหรือไม่เพื่อประเมินความแข็งแรงของกล้ามเนื้อที่ |
Q: ข้อห้ามสำหรับผู้มีปัญหาเกี่ยวกับมดลูกมีอะไรบ้าง |
A: - ไม่ควรน้ำมะพร้าวเนื่องจากน้ำเป็นอาหารของเชื้อโรคและแบคทีเรียเมื่อคนที่มีอาการผิดปกติของมดลูกร่างกายจะดึงน้ำมาขับของเสียเมื่อเรารับประทานไปร่างกายจะดึงน้ำมะพร้าวไปที่มดลูกจึงทำให้เชื้อแบคทีเรียเจริญเติบโตได้ดีมากยิ่งขึ้นไปอีกแต่เมื่ออาการดีขึ้นก็สามารถทานได้ -ห้ามรับประทานเมล็ดพืช ต่างๆเช่น ฟักทองแตงโมดอกทานตะวันเป็นต้นเมื่อร่างกายได้รับเข้าไปจะทำให้ขับน้ำมันเหล่านั้นออกมาและทำให้กล้ามเนื้อคลายตัว -ของหมักดองห้ามทานอะไรขลังไม่เป็นไรวันเพราะจะทำให้ร่างกายขับออกไม่ทันทำให้เกิดมดลูกหย่อนได้ - น้ำอัดลมน้ำเย็น หากมดลูกอักเสบประทานจนกว่าจะดีขึ้น -หยุดอาหารเค็ม จะทำให้ผิวแห้งทำให้น้ำมันขับออกทางผิวหนังไม่ได้ |
Q: อาการที่เกิดจากมดลูกผิดปกติมีอะไรบ้าง |
A: - หน้าท้องกลมคล้ายกับทำให้ดันหน้าท้องของเราให้บวมขึ้น - ปวดท้องประจำเดือนมีเลือดออกมาเป็นเลือดสีดำเนื่องจากค้างอยู่ในมดลูกจึงทำให้มดลูกออกมาทำให้เกิดอาการปวดท้อง - มีกลิ่นภายในร่างกาย - มีระดูขาวหรือตกขาวตลอดเดือนเพราะปกติผู้หญิง - ช่องคลอดขยายตัวทำให้ไม่กระชับ - มดลูกต่ำทำให้มีเพศสัมพันธ์แล้วเจ็บซึ่งไม่ได้เจ็บจากการที่ไม่มีแล้วหล่อลื่นแต่เจ็บมดลูก - เนื้องอกช็อกโกแลตซีสในมดลูก - มีลมเข้าออกช่องคลอดสาเหตุเนื่องจากช่องคลอดหลวม - กล้ามเนื้อหย่อนทั้งระบบเช่นหน้าอกถุงใต้ตาห้อยแก้มตกร่องแก้มคางย้อยต้นแขนต้นขา -หูรูดหย่อนปัสสาวะไม่อยู่ -การปัสสาวะเบ่งไม่ออก - มีลูกยากเนื่องจากทำให้มดลูกมีการบิดตัวตลอดเวลาโอกาสแท้งสูง -ประจำเดือนมาไม่ปกติบางทีมาน้อยบางทีมันก็ไม่มาเลย เพราะฮอร์โมนไม่ปกติ -ผิวสากไม่มีแววไม่สดใสไม่เปล่งปลั่งไม่มีน้ำมีนวลมองคล้ำ |
Q: ปัจจัยเสี่ยงของการมีมดลูกต่ำ มีอะไรบ้าง |
A: ปัจจัยเสี่ยงที่พบได้ ได้แก่ เชื้อชาติ พันธุกรรม บางเชื้อชาติ บางครอบครัว มีความเสี่ยงสูงต่อการเป็นมดลูกต่ำ, .มีลูกมาก เป็นปัจจัยที่สำคัญที่เกิดขึ้นถึงร้อยละ 75 ของปัจจัยทั้งหมด มีลูก1คนมีความเสี่ยงมดลูกต่ำเพิ่มขึ้น 4 เท่า มีลูก 2 คนขึ้นไปเพิ่มขึ้น 8-9 เท่า, อายุ มดลูกต่ำมักไม่เป็นกับคนอายุน้อยและไม่มีลูก อายุ 20-39 ปีมีโอกาสเกิดมดลูกต่ำแค่ร้อยละ 1.6 , อายุ 40-79 ปี ร้อยละ 3- 3.8, อายุมากกว่า 80 ปี ร้อยละ 4.1, มีแรงดันในท้องมาก เช่น อ้วน ไอเรื้อรัง หอบเหนื่อย ท้องผูก มีน้ำในช่องท้องคำแนะนำและการรักษา สงสัยมดลูกต่ำควรไปพบแพทย์ ระดับ 1-2 อาจจะเฝ้าดูอาการได้ แนะนำให้ขมิบอย่างน้อยวันละ 100 ครั้งเพื่อให้กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานแข็งแรง มดลูกจะได้ไม่ต่ำเพิ่ม หากเป็นระดับ 3-4 ควรผ่าตัดหรือใช้ห่วงพยุงมดลูก |
Q: มดลูกเข้าอู่ คืออะไร (Mother&Care) |
A:มดลูกเปรียบเสมือนบ้านของลูกน้อยในท้องคุณแม่ และในขณะที่ลูกตัวโตขึ้น มดลูกก็ขยายตัวตามอายุครรภ์เตรียมพร้อมกับการเติบโตและการคลอด พอช่วงหลังคลอดมดลูกของคุณแม่จะกลับคืนสู่สภาพเดิมตามธรรมชาติในช่วง 4-6 สัปดาห์หลังคลอด ภาวะนี้เรียกว่ามดลูกเข้าอู่ค่ะ |
Q: มดลูกเคลื่อนสามารถรักษาเองได้หรือไม่ |
A: ถ้ามดลูกต่ำไม่มากสามารถรักษาเองได้ โดยพยายามหมั่นออกกกำลังกายอยู่เสมอ ให้กล้ามเนื้อในส่วนต่างๆ กระชับแข็งแรง ที่สำคัญต้องบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานโดยการขมิบทุกวัน อย่างน้อยวันละ 30 ทีขึ้นไป แต่ถ้ามดลูกต่ำจนเกือบโผล่ออกมาเกินกว่าที่การขมิบก้นจะช่วยได้ อาจต้องรักษาโดยการผ่าตัด |
Q: การทำกายภาพบำบัดมีส่วนช่วยในเรื่องของการดูแลผู้ป่วยที่มดลูกเคลื่อนอย่างไร |
A: การทำกายภาพบำบัด เป็นทั้งการป้องกันและการรักษาในเบื้องต้นสามารถทำได้ด้วยตนเองโดยการขมิบก้นซึ่งเป็นการออกกำลังกล้ามเนื้อกระบังลมหรือกล้ามเนื้อหูรูด หากทำถูกต้องหรือทำเป็นประจำจะพบว่าการขมิบก้นเป็นการทำให้กล้ามเนื้อกระบังลมแข็งแรงและรองรับอวัยวะในอุ้งเชิงกรานเช่นมดลูก กระเพาะปัสสาวะ หรือทวารหนักไม่ให้หย่อนลงมาได้ |
Q: การบริหารมดลูกทำได้อย่างไร |
A:ยืนแยกขา ความกว้างเท่าสะโพก งอเข่าทั้งสองข้างเล็กน้อย ให้น้ำหนักลงที่ส้นเท้าทั้งสองอย่างสมดุล แล้วเคลื่อนตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย กระดกก้นขึ้นเล็กน้อย ลำตัวก็เอียงเล็กน้อยแต่แผ่นหลังตรง อย่าเกร็งอกกับไหล่นะคะ ปล่อยเปิดให้ผ่อนคลาย |
Q: มีวิธีการดันมดลูกกลับที่เดิมด้วยตนเองหรือไม่ |
A: สามารถดันมดลูกกลับสู่ช่องท้องน้อยได้โดยการโกยมดลูกในท่านอนหงาย ชันเข่าขึ้น ทั้ง 2 ข้าง ประสานมือทั้งสองข้างวางบริเวณส่วนล่างของท้องน้อยแล้วโกยดันมดลูกขึ้นมาทางด้านศีรษะ |
Q: การฝึกกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน และ กระบังลม ทำอย่างไร |
A: สามารถทำได้โดยนอนหงาย ยกเข่าทั้งสองข้างชิดอกมือทั้งสองประสานกันจับที่เข่าทั้งสองข้าง (ดังรูป) พร้อมกับหายใจเข้าช้าๆ |
Q: การออกกำลังกายโดยการนอนหงายยกเข่าชิดอกร่วมกับการฝึกหายใจช่วยในเรื่องของภาวะมดเคลื่อนได้อย่างไร |
A: การยกขาขึ้นทั้งสองข้างเป็นการฝึกเกร็งและเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน ร่วมกับการฝึกหายใจเป็นการควบคุมการเคลื่อนไหวของกระบังลมไม่ให้หย่อนตัวมากเกินไป ซึ่งทั้งกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานและกระบังลมเป็นขอบเขตของมดลุก หากทั้งสองส่วนนี้มีความแข็งแรงมดลูกจะมีโอกาสเคลื่อนที่ได้น้อย |
ถาม-ตอบ ข้อสงสัยเกี่ยวกับกายภาพบำบัด
>>>เฟิร์สฟิสิโอคลินิกกายภาพบำบัด
>>>http://www.firstphysioclinic.com
>>>LINE ID: 0852644994
หน้าที่เข้าชม | 3,215,048 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 2,296,971 ครั้ง |
เปิดร้าน | 31 ต.ค. 2556 |
ร้านค้าอัพเดท | 21 ก.ย. 2568 |